แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กระดานบุญ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กระดานบุญ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หนังสือพิมพ์ไทยสยามเปิดประตูวัด


หนังสือพิมพ์ไทยสยามคอลัมน์เปิดประตูวัด

อภินิหารพระพุทธรูปสร้างด้วยอิฐโบราณ
ผสมน้ำเกสรดอกไม้และน้ำเปลือกไม้
พระเจ้าใหญ่องค์แสน วัดโพธิ์เขมราฐ จ.อุบลราชธานี

ในคอลัมน์เปิดประตูวัด ฉบับนี้ ณ วงเดือน เปิดคอลัมน์ขึ้นมาเพื่อแนะนำวัดดี-วัดเด่น ทั้งในประเทศและทั่วไปซึ่งจะแนะนำมาลงไปเรื่อย ๆ ในคอลัมน์ ฉบับนี้ทางผู้เขียน แนะนำวัดดีๆ ในเขตภาคอีสาน คือที่จังหวัดอุบล ฯ ก่อนเป็นแห่งแรก
มารู้จักพระเจ้าใหญ่องค์แสนกัน ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ก็ถือได้ว่ามีความศักดิ์สิทธ์อภินิหารปรากฏ
มามากมายเลยทีเดียว
ที่วัดโพธิ์เขมราฐ ในตัว อ.เขมราฐ  จ.อุบล ฯ คือวัดที่ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่องค์แสน พระพุทธรูปที่ก่อด้วยอิฐโบราณผสมกับน้ำเกสรดอกไม้ และน้ำเปลือกไม้เพื่อให้ดินยึดกันเป็นเนื้อเดียวกัน และคงความทนทานเหนียวแน่นและคงความมีกลิ่นหอมเฉพาะมาตลอดกว่าสองร้อยปีเลยทีเดียว ความเป็นมาคร่าว ๆ ว่าเมื่อราวปี พ.ศ. ๒๓๓๐ สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ยกทัพไปตี
เวียงจันทร์ และต้อนผู้คนมาเมืองสยาม ผู้คนจำนวนมากหนีตายมาตามลำน้ำโขง และพากันมาถากถางป่า เพื่อตั้งเป็นบ้านเรือนกันอยู่ ณ ที่บริเวณดังกล่าว
ขณะที่พากันถากถางป่าออกนั้น พบว่ามีพระพุทธรูปตั้งอยู่ก่อนแล้วบนแท่นเก่า ๆ ใต้ต้นโพธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๐๙ เมตร สูงรวมเกศ ๑.๕๙ เมตร นั่งหันพระพักตร์ลงไปทางแม่น้ำโขง ซึ่งพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว สร้างด้วยอิฐโบราณผสมน้ำเกสรดอกไม้ และน้ำเปลือกยางไม้ ชาวบ้านจึงได้ตกลงพร้อมใจกันตั้งวัดขึ้น ชื่อว่าวัดโพธิ์ ตามที่ได้พบพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว และตั้งบ้านเรือนอยู่โดยรอบ และตั้งชื่อหมู่บ้านว่า บ้านกงพะเนียง โดยในวันเพ็ญ เดือน ๔ ( ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ) ของทุกปี จะจัดงานฉลองสมโภชน์พระคู่บ้านเป็นประจำมาโดยตลอด ซึ่งในวันแรกของเทศกาลไหว้หลวงพ่อองค์แสน ในทุกปีจะมีฝนตกลงมา อย่างมืดฟ้ามัวดิน ลมโหมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง เป็นอย่างนี้มาตลอดซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกแต่อัศจรรย์ที่ยังปรากฏถึงทุกวันนี้ และผู้คนทั่วไปในเขตนั้นจะไปทำมาหากินต่างถิ่น ต่างที่ ก็จะมาขอโชคขอพร เพื่อการทำมาหากิน ก่อนจะเดินทางไปที่อื่นเพื่อความแคล้วคลาดปลอดภัย และทำมาหากินให้ได้บรรลุอย่างที่ตั้งใจไว้
ปัจจุบันวัดโพธิ์แห่งนี้ มีเจ้าอาวาสเป็นท่านพระครูวรกิจโกวิท และเป็นเจ้าคณะอำเภอเขมราฐด้วยอีกตำแหน่ง ในวันที่ผู้เขียนได้ไปกราบนมัสการ ยังได้รับความเมตตาเป็นอย่างดี และได้พาไปดูพระพุทธรูปหินหยก มีค่ามหาศาลที่วัดอีกด้วย ใครที่ยังไม่เคยไปกราบไหว้  หรือเที่ยวชมก็ลองแวะไปกราบไหว้เที่ยวชมกันได้ครับ ที่วัดโพธิ์เขมราฐ ทางไปที่ว่าการอำเภอเขมราฐหลังเก่าติดท่าแม่น้ำโขงครับลองไปเที่ยวดู และลองขอโชคลาภขอพรกันดูครับ...
ณ วงเดือน

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วัดอนามัย



หนังสือพิมพ์ไทยสยามคอลัมน์เปิดประตูวัด

พระสงฆ์นักพัฒนา...
ดินแดนอำเภอแคนดง

เจ้าอาวาสวัดอนามัย  

และเจ้าคณะตำบลแคนดง เขต ๑
พระมหาเย็น สิริมงฺคโล  เจ้าอาวาสวัดอนามัย ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ พระสงฆ์ ที่ชาวพุทธบริษัททั้งหลาย ควรเชิดชู

ประวัติโดยย่อ
พระมหาเย็น สิริมงฺคโล (เย็น จันทร์สุด)
ชื่อเดิม เย็น นามสกุล จันทร์สุด เกิดวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๒
ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๕ ปี ฉลู
บิดา-มารดา นายลิ่น – นางลิน จันทร์สุด
สถานที่เกิด บ้านคึมหญ้านาง เลขที่ ๕๕ หมู่ที่ ๓
ต.วังไม้แดง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา
บรรพชา เมื่อวันที่ ๓๑ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘
มี พระครูสมุห์คุณ จนฺทสโร เป็นพระอุปัชฌาย์
วัดคลองธรรมมิการาม ต. หนองมะเขือ อ. พล
จ. ขอนแก่น
อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๐ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๗
ได้รับฉายา “สิริมงฺคโล” มี พระครูนิภัทรธรรมาภรณ์
เป็นพระอุปัชฌาย์
วัดเขาล้อ ต. ดอนคา อ. ท่าตะโก จ. นครสวรรค์
ประวัติการศึกษา
พ.ศ.๒๕๑๑ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนคณะจังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ.๒๕๔๗ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค สำนักเรียนวัดพิชัยญาติการาม กทม.
พ.ศ.๒๕๕๓ ปริญญาตรี พุทธศาสตร์บัณฑิต เอกพุทธศาสนา จาก มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยา
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดอนามัย
พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลแคนดง เขต ๑
ผลงาน
l จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนทุก ๆ ปี
l จัดตั้งศูนย์โรงเรียนวันอาทิตย์
l จัดตั้งศูนย์สอนวิชาคอมพิวเตอร์แก่บุคคลทั่วไป
l อบรมธรรมะอุบาสก-อุบาสิกา ภายในพรรษา ทุก ๆ ปี
l เป็นวิทยากร ถวายความรู้แด่พระสงฆ์ทั่วไป
l เป็นวิทยากร อบรมธรรมะแก่ข้าราชการ และคณะบุคคลทั่วไป
l พัฒนาศูนย์การเรียนรู้ทั่วไป ภายในวัดอนามัย
l พัฒนาก่อสร้างเสนาสนะสงฆ์ภายในวัดอนามัย
l พัฒนาก่อสร้างศาลา ฌาปนสถาน ๑ หลัง
l พัฒนาสร้างถนนคอนกรีตภายในวัด

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วัดคงสวัสดิ์วัฒนาราม


หนังสือพิมพ์ไทยสยามเปิดประตูวัดคงสวัสดิ์วัฒนาราม 
วัดคงสวัสดิ์วัฒนาราม ตั้งอยู่เลขที่ 85 บ้านท่าเสา หมู่ที่ 2  ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท
หลวงพ่อคง คงฺคปญฺโญ มีเชื้อสายเป็นชาวเมืองกำแพงเพชร ตัวหลวงพ่อเองน่าจะเป็นคนท้องถิ่นบ้านประจำรัง (บึงจำรัง) ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท เพราะในปัจจุบันมีญาติของท่านสืบเชื้อสายอยู่ในหมู่บ้านประจำรัง ท่านเกิดที่ใดไม่ปรากฎหลักฐาน เกิดเมื่อวันจันทร์ ปีมะเมีย พ.ศ.2353 เป็นปีที่ 2 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มรณภาพ ปีฉลู พ.ศ.2456 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีอายุรวม 103 ปี นับว่าท่านมีอายุยืนยาวถึง 5 แผ่นดิน หรือ 5 รัชกาล ของพระมหากษัตริย์ไทย หลวงพ่อน่าจะอุปสมบทในปี พ.ศ.2374 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌายะ พ.ศ.2394 ขณะอายุย่าง เข้าปีที่ 42  คือตอนปลายของรัชกาลที่ 3  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงรัชกาลที่ 6  ท่านดำรงตำแหน่งพระอุปัชฌายะเป็นเวลาถึง 4 แผ่นดิน
ศิษย์ของหลวงพ่อมีทั้งฆราวาสและบรรพชิตจำนวนมาก  หนึ่งในนั้นที่เป็นเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงที่หลายคนรู้จักก็คือ “หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า” อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ผู้เป็นอาจารย์ของพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อดีตเสนาบดีกระทรวงทหารในรัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี
เรื่องอภินิหารอันน่าอัศจรรย์ของหลวงพ่อคง ท่านมีครบ 3 ประการ คือ
อิทธิปาฏิหาริย์ ฤทธิ์อันอัศจรรย์ คือแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ
อาเทศนาปาฏิหาริย์ ดักใจเป็นอัศจรรย์ คือรู้วารจิตของผู้อื่น
อานุสาสนีปาฏิหาริย์ คือคำสอนอันเป็นอัศจรรย์
จะขอยกตัวอย่างของอภินิหารย์ทีเลื่องลือกันแต่ซักตัวอย่างหนึ่ง ดังนี้
เรื่องนี้พึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2544 เมื่อประมาณเดือนกันยายน 2544 เรือดูดทรายของเอกชนลำหนึ่งแล่นมาจอดดูดทรายในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัด ตรงกับอุโบสถของวัดที่กำลังบูรณะปฎิสังขรณ์ใหม่ เมื่อมาถึงใหม่ๆ อาจจะเพราะเคยเห็นเรือดูดทรายลำอื่นเคยดูดมาบ้างแล้ว แต่เรือดูดทรายลำอื่นๆไม่เคยมาดูดทรายบริเวณหน้าวัด มีแต่เรือลำดังกล่าวที่มาดูดทรายตรงหน้าวัดและตรงกับอุโบสถพอดี ทราบว่า มีคนในกลุ่มเรือดูดทรายดังกล่าวได้พูดว่า “จะดูดให้โบสถ์ทรุดเลย” ซึ่งอาจจะเป็นการพูดเล่นกันในหมู่เพื่อนฝูง แต่จะเป็นการจาบจ้วงหรือไม่ ต่อมาไม่นานเรือลำดังกล่าวได้จมอยู่ตรงที่ดูดทรายบริเวณนั้นนั่นเอง เจ้าของกิจการดังกล่าวได้พยายามให้นักประดาน้ำช่วยค้นหาชิ้นส่วนที่สำคัญ แต่ไม่สำเร็จเพราะทรายไหลมาทับมากจนทับมากจนถอดไม่ได้ หลังจากดำน้ำได้ไม่กี่วัน นักประดาน้ำก็ถูกฆาตกรรม และหลังจากนั้น เสี่ยเจ้าของกิจการก็ให้เรือดูดทรายลำใหม่มาดูดทรายหน้าวัดอีก ซึ่งก็จมอีก ประชาชนต่างพูดกันว่า เป็นเพราะกิจการเรือดูดทรายดังกล่าวไม่เคารพนับถือหลวงพ่อจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
นี่เพียงหนึ่งในเรื่องเล่ามากมายของหลวงพ่อคง คงฺคปญฺโญ เจ้าอาวาสองค์แรก แห่งวัดคงสวัสดิ์วัฒนาราม (วัดบางกะพี้)